วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2551
ภูมิปัญญาท้องถิ่น(พอเพียง)
ภูมิปัญญาท้องถิ่น หรือ ภูมิปัญญาชาวบ้าน หมายถึง ความรู้ของชาวบ้าน ซึ่งเรียนรู้มาจากพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ญาติพี่น้อง หรือผู้มีความรู้ในหมู่บ้านในท้องถิ่นต่างๆ ความรู้เหล่านี้สอนให้เด็กเคารพผู้ใหญ่ มีความกตัญญูรู้คุณพ่อแม่ และผู้มีพระคุณ มีความเอื้ออาทรต่อคนอื่น รู้จักช่วยเหลือแบ่งปันข้าวของของตนให้แก่ผู้อื่น ความรู้ที่เป็นภูมิปัญญาเป็นความรู้ที่มีคุณธรรม สอนให้คนเป็นคนดี สอนให้คนเคารพธรรมชาติ รู้จักพึ่งพาอาศัยธรรมชาติโดยไม่ทำลาย ให้เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และคนที่ล่วงลับไปแล้ว
ภูมิปัญญาชาวบ้านเป็นความรู้เรื่องการทำมาหากิน เช่น การจับปลา การปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ การทอผ้า ทอเสื่อ การสานตระกร้าและเครื่องใช้ด้วยไม้ไผ่ ด้วยหวาย การทำเครื่องปั้นดินเผา การทำเครื่องมือทางการเกษตร นอกจากนั้น ยังมีศิลปะดนตรี การฟ้อนรำ และการละเล่นต่างๆ การรักษาโรคด้วยวิธีต่างๆ เช่น การใช้ยาสมุนไพร การนวด เป็นต้น ภูมิปัญญาเหล่านี้เป็นความรู้ความสามารถที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ และถ่ายทอดมาให้เรา มีวิธีการหลายอย่างที่ทำให้ความรู้เหล่านี้เกิดประโยชน์แก่สังคมปัจจุบันด้วย คือ
การอนุรักษ์ คือ การบำรุงรักษาสิ่งที่ดีงามไว้
การฟื้นฟู คือ การรื้อฟื้นสิ่งที่ดีงามที่หายไป เลิกไป หรือกำลังจะเลิก ให้กลับมาเป็นประโยชน์ เช่น การรื้อฟื้นดนตรีไทย
การประยุกต์ คือ การปรับ หรือการผสมผสานความรู้เก่ากับความรู้ใหม่เข้าด้วยกัน ให้เหมาะสมกับ
สมัยใหม่ เช่น การใช้ยาสมุนไพรในโรงพยาบาล ประสานกับการรักษาสมัยใหม่ การทำพิธีบวชต้นไม้ เพื่อให้คนร่วมมือกันอนุรักษ์ป่า
............................................................................................................................................................
อารมณ์
เศษของเหลือทิ้ง เผลอดูดายเพียงวัน สุมรุมเป็นขยะกองโต หมดที่ว่างสะอาดตา เศษของความคิดไร้แก่นสาร เผลอใส่ใจเพียงครู่ ก่อตัวเป็นก้อนเครียดชิ้นใหญ่ หมดที่ว่างสบายใจ วุ่นแล้วคิดจึงเครียด ว่างแล้วคิดจึงคลาย หาความหมายของความว่าง จะสงบท่ามกลางความวุ่น เครียดเราะคิดวน สับสนเพราะคิดมาก ลำบากเพราะคิดนาน รำคาญเพราะคิดแช่ คลายเพราะคิดจบ สงบเพราะคิดน้อย ลอยลำเพราะคิดเป็น ฉ่ำเย็นเพราะคิดดี รักที่จะแก้เป็น อย่ารักที่จะจมอยู่กับปัญหา ยอมรับที่จะมีปัญหามาก อย่ารับที่จะหนีปัญหาน้อย ปัญหาสารพัดทิศ คายพิษสารพัดทาง เพียงไม่แช่ความคิด ใจไม่ติดกับดัก เหมือนรักจะผินหน้าหนี ทันทีที่แก้เปราะหนึงเสร็จ ก็ระเห็จไปแก้อีกเปราะหนึงต่อ เมื่อไม่ว่างพอจะคิดเล็กคิดน้อย ก็ว่างพอจะคิดให้เห็นทางออก อาจแค่สละทิ้งเหมือนถ่มเสลด หรืออาจต้องยอมเหนื่อยเนิ่นนาน แต่จะง่ายดายหรือยากเย็น เพียงไม่สั่งสมความคิดไร้แก่นสาร ใจก็ว่างจากความเครียดอย่างถาวร **เหนื่อยนักก้อพักก่อน หาเวลาทำให้สมองว่างบ้างก้อได้จ้า เป็นห่วงทุกคนเน้อ**
...........................................................................................................................................................................
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)