มรดกที่คุณพ่อมอบให้
กราบเท้าคุณพ่อที่เคารพรักสุดหัวใจ...
ถ้ามีใครถามลูกว่า “รักใครมากที่สุดในโลก?” ลูกจะรีบตอบทันทีว่า “รักคุณพ่อมากที่สุดในจักรวาล” และโดยเฉพาะเดี๋ยวนี้ก็ยิ่งรักและรู้สึกเห็นใจมากกว่าเดิม ทั้งเทิดทูนยกย่องไว้สูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด
ในความรู้สึกของลูก คุณพ่อช่างสูงส่งเสียเหลือเกิน ทั้งในแง่บิดาผู้ให้กำเนิด พระคุณที่เลี้ยงดู ความเป็นสามีที่มีต่อคุณแม่ น้ำใจไมตรีที่มีต่อมิตรสหาย และความจริงใจต่อญาติพี่น้อง และที่สำคัญคือในแง่ความเป็นตัวตนที่แท้จริงของคุณพ่อเอง อันประกอบด้วยคุณงามความดีและจิตวิญญาณอันสูงส่ง ตลอดจนการดำรงชีวิตที่เรียบง่ายสอดคล้องกับธรรมชาติและหลักการของพุทธศาสนา-มิได้ยึดติดกับความเป็นวัตถุนิยมและการแสร้งทำแสร้งเป็นในสิ่งที่ตนไม่ใช่-หากกลับใช้เวลาค่อนชีวิตแสวงหาสัจธรรมและความปรารถนาแห่งชีวิตด้วยประสบการณ์ตรงและแท้จริงเยี่ยงชายชาตรี
ใครบ้างนะที่จะสนใจสังเกต จดจำ และวิพากษ์วิจารณ์คุณพ่อเช่นลูก?
แม้ว่าชีวิตในวัยหนุ่มของคุณพ่อจะถูกใช้ไปอย่างอิสระเสรีตามความปรารถนาแห่งหัวใจตนเอง ซึ่งในแง่หนึ่งก็นับเป็นชีวิตที่คุ้มค่ากับการได้เกิดมาชาติหนึ่ง โดยเฉพาะในยุคสมัยของคุณพ่อเป็นยุคที่เหล่าผู้ชายมักมีความเป็นสุภาพบุรุษ ทั้งต่อเพื่อนสนิทมิตรสหาย และต่อหญิงคนรัก กล่าวคือ พร้อมที่จะร่วมลงเรือลำเดียวกันหรือตายแทนกันได้เมื่อผู้เป็นที่รักถูกข่มเหงรังแก มีความกล้าหาญในการกระทำที่ถูกต้องและกล้ายอมรับในความผิดพลาด ยึดถือคุณธรรมเป็นหลักในการดำเนินชีวิต
คุณพ่อได้ท่องเที่ยวและผจญภัยอย่างโชกโชน ประสบอุปสรรคอันหนักหนาสาหัสหลากหลายรูปแบบ ทั้งในเชิงรบและเชิงรัก ในเชิงรบคุณพ่อคลุกคลีตนเองในสังเวียนลูกผู้ชาย ได้ต่อสู้ชิงไหวชิงพริบกันทุกรูปแบบและวิธีการ ราวกับ “ติงลี่” พระเอกในเรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ก็ไม่ปาน หรือในเชิงรักก็เล่นบทบาทเปรียบประหนึ่ง “บุเรงนอง” ในวรรณกรรมเรื่องเยี่ยม-ผู้ชนะสิบทิศ
ในวัยเยาว์ ลูกจำได้ว่า คุณพ่อมักไม่ค่อยได้อยู่บ้าน นานๆ จึงจะกลับมาเสียทีหนึ่ง เพราะต้องระหกระเหินไปอยู่ต่างจังหวัดอันเนื่องจากความจำเป็นของชีวิตนานัปการ แต่ลูกก็ดีใจเป็นหนักหนา หัวใจเต้นพองโตแทบจะทะลุออกมาได้ เมื่อได้พบหน้าคุณพ่อทุกครั้ง
คุณพ่อเป็นคนที่มีความเที่ยงตรงคล้ายดังตราชั่ง ถ้าอะไรที่ได้พิจารณาไตร่ตรองแล้วว่า เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องหรือยุติธรรมสำหรับคนใดคนหนึ่ง ก็จะไม่ยอมให้เรื่องเช่นนั้นผ่านเลยไป แต่จะต้องจัดการให้เป็นที่ถูกต้องและยุติธรรมสำหรับทุกคนเสียก่อน เพราะเหตุนี้จึงเป็นที่รักและไว้วางใจของสมาชิกทุกคนในครอบครัว
ในด้านการปกครองลูกน้องก็ได้ยึดหลักการปกครองด้วย “พระเดช-พระคุณ” ควบคู่กันไป ซึ่งทำให้ลูกน้องทั้งเคารพรักและให้ความยำเกรงเป็นนักหนาในขณะเดียวกัน
และถ้าในยามลูกดื้อ หัวรั้น มีทิฐิ หรือกระทำตนไม่ถูกต้อง คุณพ่อก็เหมือนกัน เป็น “กระจกบานใหญ่” สะท้อนความผิดพลาดของลูก และเป็นกำลังใจให้ลูกได้รีบปรับปรุงและแก้ไขตนเองไปในแนวทางที่ดีงามและถูกต้องต่อไป
สิ่งที่คุณพ่อได้สร้างความประทับใจให้ลูกเป็นพิเศษ ซึ่งยังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำของลูก ตราบจนกระทั่งทุกวันนี้ก็คือ
ส.ค.ส.ใบแรกที่คุณพ่อให้ลูก เป็นภาพเขียนแมวน้อยขนสีดำ ตาสีฟ้า นั่งอยู่บนผ้าห่มที่เย็บจากการนำเศษผ้าที่เหลือใช้หลากหลายสีสรรมาเย็บต่อเข้าด้วยกัน และผ้าห่มชิ้นนี้ก็ให้ลูกได้เกิดพลังความคิดได้มากมาย อย่างน้อยที่สุดลูกก็รักและหลงใหลผ้าห่มที่มีลักษณะเช่นนี้มากเป็นพิเศษถึงขนาดว่าจะถามหาเพื่อขอซื้อผ้าห่มแบบนี้ตลอด ทว่าหายากเหลือเกิน เพราะไม่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป ต้องรอให้พ่อค้าจากทางเหนือลงมาขายที่ท้องถิ่นบ้านเราเสียก่อนจึงจะซื้อจากเขาได้ และผ้าห่มนี้ก็สอนให้ลูกเป็นคน “ติดดิน” มาตลอดเกือบครึ่งชีวิตเข้าไปแล้ว และคงจะเป็นตลอดไปเนื่องจากมันฝังแน่นจนกลายเป็น “นิสัยอันถาวร” เข้าไปแล้ว และลูกก็กลายเป็นคนที่เรียบง่าย เป็นธรรมชาติ ยึดถือความสัตย์ซื่อ ความตรงไปตรงมาเป็นหางเสือในการดำเนินชีวิตไปในทิศทางที่ดีงามและเหมาะสม
ต่อมาก็คือ สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ๒ ตัว เพศเมียและเพศผู้ ภายหลังลูกได้เลี้ยงดูมันเป็นอย่างดี และได้ตั้งชื่อให้มันว่า “ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้” ตามลำดับ ลูกต้องขอขอบพระคุณเป็นพิเศษสำหรับของขวัญชิ้นนี้ เนื่องด้วยมันเป็นเหมือนบทเรียนที่แท้จริงในการอบรมสั่งสอนลูกในการรับผิดชอบชีวิตอีกถึงสองชีวิต สอนให้รู้จักการโอบอุ้ม เลี้ยงดู รักและเอาใจใส่ ให้อาการเพื่อหล่อเลี้ยงทั้งร่างกายและจิตใจ ดูแลและเอื้ออาทรจนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายพรากจากไป
และสุดท้ายคือ จักรยานคันสีแดงสดใส ที่เป็นพาหนะคู่ใจ เมื่อลูกได้ไปศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงในด้านภาษาเป็นลำดับที่สองของประเทศไทย ในแถบปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร ซึ่งในเวลาแห่งการชิงชัยที่จะได้เก้าอี้นั่งเรียน ณ ที่แห่งนี้ ได้มาอย่างยากลำบากมิใช่น้อย ต้องต่อสู้ทั้งแรงกายคือสติปัญญาและแรงใจ ฉะนั้นจึงได้ทำความภาคภูมิใจให้กับคุณพ่ออย่างล้นเหลือ ในเวลาที่ลูกได้ขี่จักรยานคันนี้ ลูกมักคิดจินตนาการไปว่ามันสามารถพาลูกข้ามความเหลื่อมล้ำของมิติแห่งกาลเวลาและเอาชนะความล้าหลังทางวิทยาศาสตร์ไปหาคุณพ่อได้
มาภายหลังเมื่อคุณพ่อได้ละทิ้งชีวิตความสำราญในวัยหนุ่ม และสำลักเสรีภาพดังกล่าวแล้ว ก็ได้ตัดสินใจมาใช้ชีวิตที่มุ่งแสวงหาความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความเป็นปึกแผ่นของครอบครัว การปลูกฝังความเจริญก้าวหน้าให้แก่ลูกๆ ในด้านการศึกษาเล่าเรียน และการวางรากฐานวิชาชีพของธุรกิจ “ฟาร์มโคนม” ซึ่งเป็นธุรกิจขนาดย่อมประจำครอบครัว เพื่อให้ลูกคนใดคนหนึ่งได้สืบสานยึดเป็นอาชีพในกาลข้างหน้า โดยมีผู้ช่วยที่ประเสริฐที่สุดก็คือคุณแม่ เป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือสนับสนุนอยู่เคียงข้างกาย คอยให้กำลังใจ และเหน็ดเหนื่อยไปด้วยกันตลอดเส้นทางอันยาวไกล
คุณพ่อวางแผนและลงมือทำงานอย่างมีหลักการ นำประสบการณ์มาประยุกต์ใช้ ใช้เทคนิควิธีการต่างๆ ทางธุรกิจ มีการเรียนรู้กลไกลการตลาด การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกลุ่มผู้ร่วมอาชีพเดียวกัน สิ่งเหล่านี้ล้วน เกื้อหนุนให้คุณพ่อสามารทำธุรกิจครอบครัวได้บรรลุผลสำเร็จ นั่นก็คือธุรกิจฟาร์มโคนมอันถือได้ว่าใหญ่ที่สุดของอำเภอชะอำในเวลานั้น บนที่ดินสามสิบไร่ล้อมรอบด้วยรั้วลวดหนามเดินกระแสไฟฟ้า มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน เป็นต้นว่า เครื่องรีดนม เครื่องตัดหญ้า มีแปลงปลูกหญ้าของตนเอง มีลูกจ้างนับรวมๆ ได้เป็นสิบคน เป็นต้น
ณ ที่แห่งนี้ได้สร้างชีวิตใหม่ให้คุณพ่อด้วยน้ำมือแต่งแต้มขัดเกลาของคุณพ่อเอง คุณพ่อเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก กล่าวคือ ขยันขันแข็งตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต ทำงานหนักตลอดเวลาโดยมิยอมพักผ่อนมากนัก กลับใช้เวลาว่างที่เหลือทุกๆ นาทีของชีวิตอย่างคุ้มค่า ราวกับหยังรู้ชะตาชีวิตที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า
ณ ที่แห่งนี้ นอกเหนือจากที่คุณพ่อได้สร้างมรดกไว้ให้แก่ลูก ในรูปของทรัพย์สิน ทั้งสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์แล้ว คุณพ่อยังได้ปลูกสร้างทรัพย์สินที่ล้ำค่ามากกว่าทรัพย์สินใดๆ ทั้งหมดลงในตัวตนของลูก ซึ่งมันได้เจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีวันหมดสิ้น สิ่งนี้ก็คือ “ความรักความพึงพอใจในการอ่านหนังสือ”
ตั้งแต่ที่ลูกเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษา คุณพ่อได้ปลูกฝังให้ลูกอ่านหนังสือเสมอมา เป็นต้นว่า ลูกมีหน้าที่ในการอ่านหนังสือพิมพ์ให้คุณพ่อฟังทุกเช้า เริ่มตั้งแต่หน้าที่หนึ่ง ก็ต้องอ่านหัวข้อข่าวทุกข่าวว่ามีหัวข้อใดบ้าง และเมื่อคุณพ่อสนใจก็จะบอกให้ลูกไปอ่านในรายละเอียดในหน้าถัดไปจนจบข้อข่าวนั้น สิ่งนี้ทำให้ลูกเริ่มรักและคุ้นเคยกับการอ่านหนังสือมาก จนถึงขนาดอ่านได้คล่องแคล่วไม่ติดขัดเลย และเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเอาดีทางภาษาในเวลาต่อมาเมื่อได้ขึ้นเรียนชั้นมัธยมปลาย และยังส่งผลให้ลูกสนใจข่าวการบ้านการเมืองในเวลานั้นด้วย เนื่องจากคุณพ่อสนใจการเมืองเป็นพิเศษและให้ลูกอ่านข่าวการเมืองให้ฟังเสมอ ต่อมาเลยทำให้ลูกได้ไปซื้อหนังสือสารคดีที่มีเนื้อหาหนักๆ เป็นเรื่องราวของ “มาร์กอส” ซึ่งเป็นที่โด่งดังขณะนั้นมาอ่านอย่างเมามัน สนุกสนาน และเปี่ยมด้วยสาระ
นอกจากนั้น ลูกยังได้นำพื้นฐานความรักการอ่านหนังสือนี้ไปใช้ประโยชน์อีกมากมาย เป็นต้นว่า ลูกสามารถอ่านวรรณกรรมเล่มหนาเตอะหลายเล่มจบ หนังสือแนวธรรมะแบบปรัชญาชีวิต หนังสือทุกประเภท หรือแม้กระทั่งการเก็บหนังสืออ่านจนหมดตู้หนังสือใบใหญ่ของคุณแม่ได้เมื่อตอนเรียนอยู้ชั้นประถมปีที่ ๕-๖ เป็นต้นว่าบทประพันธ์เรื่อง “เมียน้อย” “เมียหลวง” ถ้าจำไม่ผิดเห็นจะเป็นของ กรุง ญ ฉัตร “ห้วงรักเหวลึก” ของ พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ บทประพันธ์ของนักเขียนที่มีชื่อเสียงอีกหลายท่าน อาทิเช่น โสภาค สุวรรณ/ สุวรรณี สุคนธา / ว.ณ ประมวลมารค /ว.วินิจฉัยกุล /โรสลาเรน/หรือแม้แต่ น.นพรัตน์- ผู้แปลวรรณกรรมจีนได่อย่างเต็มอรรถรสมาก ทั้งสั้น กระชับ ฉับไว กินใจความครบถ้วน และอื่นๆ อีกมากมาย ถึงแม้ในเวลานั้นจะเป็นการอ่านแบบไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากมายนัก แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญได้เช่นกัน และก็ทำให้ลูกภาคภูมิใจในตนเองระคนระลึกถึงพระคุณอันหาที่สุดมิได้ของคุณพ่อ
สิ่งเหล่านี้ได้อบรมบ่มเพาะและเสกสรรปั้นแต่ง ตลอดจนขัดเกลาจิตวิญญาณของลูก ให้มีความละเอียดอ่อน ละเมียดละไม ไม่หยาบกระด้าง ก่อตัวเป็นพลังเงียบในก้นบึ้งแห่งจิตสำนึกให้โหยหา และมีความใฝ่ฝันทะเยอทะยานอย่างแรงกล้า ที่จะเป็นนักประพันธ์ให้ได้สักวันหนึ่งข้างหน้า
รวมทั้งท้ายที่สุดลูกก็ได้เปลี่ยนสัญชาติตัวเองกลายเป็นสัตว์โลกอีกชนิดหนึ่งโดยสมบูรณ์ เป็นสัตว์โลกที่แทะเล็มและเสพย์สุนทรียภาพทางตัวอักษรและหนังสือเป็นอาหาร ชอบซุกซ่อนตัวอยู่ในโลกส่วนตัว ซึ่งเป็นคลังหนังสืออย่างสุขเกษม หลีกเลี่ยงความวุ่นวายหรือความเป็นสัตว์สังคมในหลายโอกาส มีอาหารว่างจานโปรดเป็นความสงบ ความวิเวก อันก่อให้เกิดสมาธิและสติปัญญา มีสหายสนิทเป็นความเงียบเหงาและว้าเหว่ เดินร่วมทางเดียวกันเสมอ บางทีก็มีภาษาและรหัสของตนเองซึ่งจะมีขั้วปิด-เปิดในการเลือกรับสาร-ตีความ-ส่งสารตอบยกลับ ก็เฉพาะผู้ที่มีรหัสลับเดียวกันหรือความถี่ตรงกันเท่านั้น
สัตว์โลกที่ลูกเข้าสังกัดด้วยนี้คนเขาเรียกมันว่า “หนอนหนังสือ” ซึ่งลูกว่ามันธรรดมาไป จริงๆ แล้วน่าจะเป็นชื่ออื่นที่คิดได้สะใจกว่านี้ แรงกว่านี้ แปลกใหม่กว่านี้ แต่ลูกยังคิดไม่ออกในเวลานี้ว่าจะตั้งชื่อให้มันซึ่งเป็นการให้ฉายาตัวลูกเองว่าอย่างไร บางทีอาจจะเป็น “สัตว์วิเวก?”
และในยามที่ความเป็นสัตว์วิเวกของลูกดังกล่าวนี้ปรากฏตัวออกมาเมื่อไร คนแรกที่ลูกระลึกถึงคะนึงหาด้วยความรักอาลัยอาวรณ์อย่างสุดหัวใจ ก็คือ “คุณพ่อ” ผู้ซึ่งได้น้ำตาของลูกเป็นเครื่องบรรณาการไปชั่วนิรันดร์
แล้วบทเพลงสุดโปรดก็มักสะท้อนเข้าสู่วิถีโคจรแห่งความคิดคำนึง ...เป็นวิมานอยู่บนดิน ให้เธอได้พักพิงและนอนหลับไหล... ...เก็บดาวเก็บเดือนมาร้อยมาลัย... ...เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพรมาร้อยใจเราไว้เรียงกัน... ป่านฉะนี้คุณพ่อของลูกคงหลับสบายในอ้อมกอดแห่งธรรมชาติ ณ เวลานี้คุณพ่อของลูกคงหลับไหลอยู่ในบ้านวิมานดินอย่างเกษมสันต์ หลับเสียเถิดนะ...คนดีของลูก...หลับเสียเถิดนะ...ไม่ต้องกังวล หลับเสียเถิดนะ...หลับให้ฝันดี...หลับเสียเถิดนะ...พักให้หายเหนื่อย หลับเสียเถิดนะ...หลับให้สบาย...หลับเสียเถิดนะ...ลูกจะขับกล่อม ลูกขอให้สัญญาว่าจะไม่ทิ้งพ่อไปไหน ลูกขอให้สัญญาว่าจะไม่ห่างไกลไปจากพ่อ
ลูกขออยู่ที่นี่ชั่วคราวเพื่อทำหน้าที่อันชะตากำหนด พ่อย่อมรู้แก่ใจดี...ชีวิตคนเราแสนสั้นหนักหนา อุปมาดัง “เส้นใยบางๆ ระหว่างลมหายใจเข้าออก” เช่นนี้แล้วชีวิตย่อมแตกดับได้โดยง่าย...ดังคำ “หนักดังขุนเขา เบาดังปุยนุ่น” ลูกจึงมิได้หวาดหวั่นต่อการแตกดับทางร่างกาย หากหวั่นไหวต่อการแตกดับทางจิตใจมากกว่า จึงสัญญามั่น...พ่อของลูกย่อมได้พบลูกเป็นแน่แท้ที่...วิมานดิน
แม้ว่าคุณพ่อสุดที่รักของลูก ได้ละทิ้งสังขาร อันพระท่านเทศนาว่า เป็นของไม่เที่ยง เป็นเยงเปลือกที่ห่อหุ้มความสกปรก ความไม่น่าสิเน่หาทั้งปวงในกายของเราไปแล้ว ทว่าคุณพ่อได้ฝากความดีงามไว้เป็นอนุสรณ์ให้พวกเราทุกคนได้รำลึกถึงเสมอ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคงไม่มีใครที่เกินกว่าลูกไปได้
พ่อได้สร้างและทิ้งมรดกไว้ให้ลูกมากมายกว่าที่จะประเมินค่าหรือตีราคาได้ ทุกวันนี้ลูกมีกำลังใจในการมีชีวิต ลูกมุ่งกระทำความดี ลูกยึดหลักของคุณธรรมและความถูกต้อง ใช้ชีวิตเรียบง่ายและอ่อนน้อมถ่อมตน ดำรงชีวิตอย่างพอเพียงและรู้ค่า รักการอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ อยู่อย่างคนมีสติปัญญา มีจิตใจที่เมตตาปรานี เห็นคุณค่าของสรรพชีวิต มีจิตที่ละเอียดอ่อนบริสุทธิ์ไม่หยาบกระด้าง มีอุดมการณ์ในการใช้ชีวิต และทุกสิ่งที่เป็นความดีงาม ล้วนเป็นเพราะ “มือที่สร้างสรรค์และโอบอุ้มของพ่อ” ทั้งสิ้น
สิ่งต่างๆ ที่คุณพ่อปลูกฝัง แลเพาะเมล็ดพันธ์ที่ดีงามใส่ไว้ในตัวลูก ล้วนส่งผลดีให้กับลูกในกาลต่อมาแทบทั้งสิ้น และลูกขอยืนหยัดก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างทระนง องอาจ เข้มแข็ง ภาคภูมิใจและจะขอยึดถือหลักการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องดีงามของคุณพ่อ เป็น “แบบแผน” ในการดำเนินชีวิตของลูกต่อไป จนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่
และสิ่งหนึ่งที่ลูกคนนี้ระลึกถึง...ซาบซึ้งในพระคุณ...ตระหนักถึงคุณค่า... สิ่งนั้นยิ่งใหญ่ในใจ...และ...ในชีวิต...ของลูกเป็นที่สุดแล้ว นั่นก็คือ... “มรดกที่พ่อมอบให้” ลูกจะรักษามรดกชิ้นนี้ไว้ตลอดกาล...
ถ้ามีใครถามลูกว่า “รักใครมากที่สุดในโลก?” ลูกจะรีบตอบทันทีว่า “รักคุณพ่อมากที่สุดในจักรวาล” และโดยเฉพาะเดี๋ยวนี้ก็ยิ่งรักและรู้สึกเห็นใจมากกว่าเดิม ทั้งเทิดทูนยกย่องไว้สูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด
ในความรู้สึกของลูก คุณพ่อช่างสูงส่งเสียเหลือเกิน ทั้งในแง่บิดาผู้ให้กำเนิด พระคุณที่เลี้ยงดู ความเป็นสามีที่มีต่อคุณแม่ น้ำใจไมตรีที่มีต่อมิตรสหาย และความจริงใจต่อญาติพี่น้อง และที่สำคัญคือในแง่ความเป็นตัวตนที่แท้จริงของคุณพ่อเอง อันประกอบด้วยคุณงามความดีและจิตวิญญาณอันสูงส่ง ตลอดจนการดำรงชีวิตที่เรียบง่ายสอดคล้องกับธรรมชาติและหลักการของพุทธศาสนา-มิได้ยึดติดกับความเป็นวัตถุนิยมและการแสร้งทำแสร้งเป็นในสิ่งที่ตนไม่ใช่-หากกลับใช้เวลาค่อนชีวิตแสวงหาสัจธรรมและความปรารถนาแห่งชีวิตด้วยประสบการณ์ตรงและแท้จริงเยี่ยงชายชาตรี
ใครบ้างนะที่จะสนใจสังเกต จดจำ และวิพากษ์วิจารณ์คุณพ่อเช่นลูก?
แม้ว่าชีวิตในวัยหนุ่มของคุณพ่อจะถูกใช้ไปอย่างอิสระเสรีตามความปรารถนาแห่งหัวใจตนเอง ซึ่งในแง่หนึ่งก็นับเป็นชีวิตที่คุ้มค่ากับการได้เกิดมาชาติหนึ่ง โดยเฉพาะในยุคสมัยของคุณพ่อเป็นยุคที่เหล่าผู้ชายมักมีความเป็นสุภาพบุรุษ ทั้งต่อเพื่อนสนิทมิตรสหาย และต่อหญิงคนรัก กล่าวคือ พร้อมที่จะร่วมลงเรือลำเดียวกันหรือตายแทนกันได้เมื่อผู้เป็นที่รักถูกข่มเหงรังแก มีความกล้าหาญในการกระทำที่ถูกต้องและกล้ายอมรับในความผิดพลาด ยึดถือคุณธรรมเป็นหลักในการดำเนินชีวิต
คุณพ่อได้ท่องเที่ยวและผจญภัยอย่างโชกโชน ประสบอุปสรรคอันหนักหนาสาหัสหลากหลายรูปแบบ ทั้งในเชิงรบและเชิงรัก ในเชิงรบคุณพ่อคลุกคลีตนเองในสังเวียนลูกผู้ชาย ได้ต่อสู้ชิงไหวชิงพริบกันทุกรูปแบบและวิธีการ ราวกับ “ติงลี่” พระเอกในเรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ก็ไม่ปาน หรือในเชิงรักก็เล่นบทบาทเปรียบประหนึ่ง “บุเรงนอง” ในวรรณกรรมเรื่องเยี่ยม-ผู้ชนะสิบทิศ
ในวัยเยาว์ ลูกจำได้ว่า คุณพ่อมักไม่ค่อยได้อยู่บ้าน นานๆ จึงจะกลับมาเสียทีหนึ่ง เพราะต้องระหกระเหินไปอยู่ต่างจังหวัดอันเนื่องจากความจำเป็นของชีวิตนานัปการ แต่ลูกก็ดีใจเป็นหนักหนา หัวใจเต้นพองโตแทบจะทะลุออกมาได้ เมื่อได้พบหน้าคุณพ่อทุกครั้ง
คุณพ่อเป็นคนที่มีความเที่ยงตรงคล้ายดังตราชั่ง ถ้าอะไรที่ได้พิจารณาไตร่ตรองแล้วว่า เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องหรือยุติธรรมสำหรับคนใดคนหนึ่ง ก็จะไม่ยอมให้เรื่องเช่นนั้นผ่านเลยไป แต่จะต้องจัดการให้เป็นที่ถูกต้องและยุติธรรมสำหรับทุกคนเสียก่อน เพราะเหตุนี้จึงเป็นที่รักและไว้วางใจของสมาชิกทุกคนในครอบครัว
ในด้านการปกครองลูกน้องก็ได้ยึดหลักการปกครองด้วย “พระเดช-พระคุณ” ควบคู่กันไป ซึ่งทำให้ลูกน้องทั้งเคารพรักและให้ความยำเกรงเป็นนักหนาในขณะเดียวกัน
และถ้าในยามลูกดื้อ หัวรั้น มีทิฐิ หรือกระทำตนไม่ถูกต้อง คุณพ่อก็เหมือนกัน เป็น “กระจกบานใหญ่” สะท้อนความผิดพลาดของลูก และเป็นกำลังใจให้ลูกได้รีบปรับปรุงและแก้ไขตนเองไปในแนวทางที่ดีงามและถูกต้องต่อไป
สิ่งที่คุณพ่อได้สร้างความประทับใจให้ลูกเป็นพิเศษ ซึ่งยังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำของลูก ตราบจนกระทั่งทุกวันนี้ก็คือ
ส.ค.ส.ใบแรกที่คุณพ่อให้ลูก เป็นภาพเขียนแมวน้อยขนสีดำ ตาสีฟ้า นั่งอยู่บนผ้าห่มที่เย็บจากการนำเศษผ้าที่เหลือใช้หลากหลายสีสรรมาเย็บต่อเข้าด้วยกัน และผ้าห่มชิ้นนี้ก็ให้ลูกได้เกิดพลังความคิดได้มากมาย อย่างน้อยที่สุดลูกก็รักและหลงใหลผ้าห่มที่มีลักษณะเช่นนี้มากเป็นพิเศษถึงขนาดว่าจะถามหาเพื่อขอซื้อผ้าห่มแบบนี้ตลอด ทว่าหายากเหลือเกิน เพราะไม่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป ต้องรอให้พ่อค้าจากทางเหนือลงมาขายที่ท้องถิ่นบ้านเราเสียก่อนจึงจะซื้อจากเขาได้ และผ้าห่มนี้ก็สอนให้ลูกเป็นคน “ติดดิน” มาตลอดเกือบครึ่งชีวิตเข้าไปแล้ว และคงจะเป็นตลอดไปเนื่องจากมันฝังแน่นจนกลายเป็น “นิสัยอันถาวร” เข้าไปแล้ว และลูกก็กลายเป็นคนที่เรียบง่าย เป็นธรรมชาติ ยึดถือความสัตย์ซื่อ ความตรงไปตรงมาเป็นหางเสือในการดำเนินชีวิตไปในทิศทางที่ดีงามและเหมาะสม
ต่อมาก็คือ สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ๒ ตัว เพศเมียและเพศผู้ ภายหลังลูกได้เลี้ยงดูมันเป็นอย่างดี และได้ตั้งชื่อให้มันว่า “ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้” ตามลำดับ ลูกต้องขอขอบพระคุณเป็นพิเศษสำหรับของขวัญชิ้นนี้ เนื่องด้วยมันเป็นเหมือนบทเรียนที่แท้จริงในการอบรมสั่งสอนลูกในการรับผิดชอบชีวิตอีกถึงสองชีวิต สอนให้รู้จักการโอบอุ้ม เลี้ยงดู รักและเอาใจใส่ ให้อาการเพื่อหล่อเลี้ยงทั้งร่างกายและจิตใจ ดูแลและเอื้ออาทรจนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายพรากจากไป
และสุดท้ายคือ จักรยานคันสีแดงสดใส ที่เป็นพาหนะคู่ใจ เมื่อลูกได้ไปศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงในด้านภาษาเป็นลำดับที่สองของประเทศไทย ในแถบปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร ซึ่งในเวลาแห่งการชิงชัยที่จะได้เก้าอี้นั่งเรียน ณ ที่แห่งนี้ ได้มาอย่างยากลำบากมิใช่น้อย ต้องต่อสู้ทั้งแรงกายคือสติปัญญาและแรงใจ ฉะนั้นจึงได้ทำความภาคภูมิใจให้กับคุณพ่ออย่างล้นเหลือ ในเวลาที่ลูกได้ขี่จักรยานคันนี้ ลูกมักคิดจินตนาการไปว่ามันสามารถพาลูกข้ามความเหลื่อมล้ำของมิติแห่งกาลเวลาและเอาชนะความล้าหลังทางวิทยาศาสตร์ไปหาคุณพ่อได้
มาภายหลังเมื่อคุณพ่อได้ละทิ้งชีวิตความสำราญในวัยหนุ่ม และสำลักเสรีภาพดังกล่าวแล้ว ก็ได้ตัดสินใจมาใช้ชีวิตที่มุ่งแสวงหาความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความเป็นปึกแผ่นของครอบครัว การปลูกฝังความเจริญก้าวหน้าให้แก่ลูกๆ ในด้านการศึกษาเล่าเรียน และการวางรากฐานวิชาชีพของธุรกิจ “ฟาร์มโคนม” ซึ่งเป็นธุรกิจขนาดย่อมประจำครอบครัว เพื่อให้ลูกคนใดคนหนึ่งได้สืบสานยึดเป็นอาชีพในกาลข้างหน้า โดยมีผู้ช่วยที่ประเสริฐที่สุดก็คือคุณแม่ เป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือสนับสนุนอยู่เคียงข้างกาย คอยให้กำลังใจ และเหน็ดเหนื่อยไปด้วยกันตลอดเส้นทางอันยาวไกล
คุณพ่อวางแผนและลงมือทำงานอย่างมีหลักการ นำประสบการณ์มาประยุกต์ใช้ ใช้เทคนิควิธีการต่างๆ ทางธุรกิจ มีการเรียนรู้กลไกลการตลาด การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกลุ่มผู้ร่วมอาชีพเดียวกัน สิ่งเหล่านี้ล้วน เกื้อหนุนให้คุณพ่อสามารทำธุรกิจครอบครัวได้บรรลุผลสำเร็จ นั่นก็คือธุรกิจฟาร์มโคนมอันถือได้ว่าใหญ่ที่สุดของอำเภอชะอำในเวลานั้น บนที่ดินสามสิบไร่ล้อมรอบด้วยรั้วลวดหนามเดินกระแสไฟฟ้า มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน เป็นต้นว่า เครื่องรีดนม เครื่องตัดหญ้า มีแปลงปลูกหญ้าของตนเอง มีลูกจ้างนับรวมๆ ได้เป็นสิบคน เป็นต้น
ณ ที่แห่งนี้ได้สร้างชีวิตใหม่ให้คุณพ่อด้วยน้ำมือแต่งแต้มขัดเกลาของคุณพ่อเอง คุณพ่อเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก กล่าวคือ ขยันขันแข็งตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต ทำงานหนักตลอดเวลาโดยมิยอมพักผ่อนมากนัก กลับใช้เวลาว่างที่เหลือทุกๆ นาทีของชีวิตอย่างคุ้มค่า ราวกับหยังรู้ชะตาชีวิตที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า
ณ ที่แห่งนี้ นอกเหนือจากที่คุณพ่อได้สร้างมรดกไว้ให้แก่ลูก ในรูปของทรัพย์สิน ทั้งสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์แล้ว คุณพ่อยังได้ปลูกสร้างทรัพย์สินที่ล้ำค่ามากกว่าทรัพย์สินใดๆ ทั้งหมดลงในตัวตนของลูก ซึ่งมันได้เจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีวันหมดสิ้น สิ่งนี้ก็คือ “ความรักความพึงพอใจในการอ่านหนังสือ”
ตั้งแต่ที่ลูกเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษา คุณพ่อได้ปลูกฝังให้ลูกอ่านหนังสือเสมอมา เป็นต้นว่า ลูกมีหน้าที่ในการอ่านหนังสือพิมพ์ให้คุณพ่อฟังทุกเช้า เริ่มตั้งแต่หน้าที่หนึ่ง ก็ต้องอ่านหัวข้อข่าวทุกข่าวว่ามีหัวข้อใดบ้าง และเมื่อคุณพ่อสนใจก็จะบอกให้ลูกไปอ่านในรายละเอียดในหน้าถัดไปจนจบข้อข่าวนั้น สิ่งนี้ทำให้ลูกเริ่มรักและคุ้นเคยกับการอ่านหนังสือมาก จนถึงขนาดอ่านได้คล่องแคล่วไม่ติดขัดเลย และเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเอาดีทางภาษาในเวลาต่อมาเมื่อได้ขึ้นเรียนชั้นมัธยมปลาย และยังส่งผลให้ลูกสนใจข่าวการบ้านการเมืองในเวลานั้นด้วย เนื่องจากคุณพ่อสนใจการเมืองเป็นพิเศษและให้ลูกอ่านข่าวการเมืองให้ฟังเสมอ ต่อมาเลยทำให้ลูกได้ไปซื้อหนังสือสารคดีที่มีเนื้อหาหนักๆ เป็นเรื่องราวของ “มาร์กอส” ซึ่งเป็นที่โด่งดังขณะนั้นมาอ่านอย่างเมามัน สนุกสนาน และเปี่ยมด้วยสาระ
นอกจากนั้น ลูกยังได้นำพื้นฐานความรักการอ่านหนังสือนี้ไปใช้ประโยชน์อีกมากมาย เป็นต้นว่า ลูกสามารถอ่านวรรณกรรมเล่มหนาเตอะหลายเล่มจบ หนังสือแนวธรรมะแบบปรัชญาชีวิต หนังสือทุกประเภท หรือแม้กระทั่งการเก็บหนังสืออ่านจนหมดตู้หนังสือใบใหญ่ของคุณแม่ได้เมื่อตอนเรียนอยู้ชั้นประถมปีที่ ๕-๖ เป็นต้นว่าบทประพันธ์เรื่อง “เมียน้อย” “เมียหลวง” ถ้าจำไม่ผิดเห็นจะเป็นของ กรุง ญ ฉัตร “ห้วงรักเหวลึก” ของ พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ บทประพันธ์ของนักเขียนที่มีชื่อเสียงอีกหลายท่าน อาทิเช่น โสภาค สุวรรณ/ สุวรรณี สุคนธา / ว.ณ ประมวลมารค /ว.วินิจฉัยกุล /โรสลาเรน/หรือแม้แต่ น.นพรัตน์- ผู้แปลวรรณกรรมจีนได่อย่างเต็มอรรถรสมาก ทั้งสั้น กระชับ ฉับไว กินใจความครบถ้วน และอื่นๆ อีกมากมาย ถึงแม้ในเวลานั้นจะเป็นการอ่านแบบไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากมายนัก แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญได้เช่นกัน และก็ทำให้ลูกภาคภูมิใจในตนเองระคนระลึกถึงพระคุณอันหาที่สุดมิได้ของคุณพ่อ
สิ่งเหล่านี้ได้อบรมบ่มเพาะและเสกสรรปั้นแต่ง ตลอดจนขัดเกลาจิตวิญญาณของลูก ให้มีความละเอียดอ่อน ละเมียดละไม ไม่หยาบกระด้าง ก่อตัวเป็นพลังเงียบในก้นบึ้งแห่งจิตสำนึกให้โหยหา และมีความใฝ่ฝันทะเยอทะยานอย่างแรงกล้า ที่จะเป็นนักประพันธ์ให้ได้สักวันหนึ่งข้างหน้า
รวมทั้งท้ายที่สุดลูกก็ได้เปลี่ยนสัญชาติตัวเองกลายเป็นสัตว์โลกอีกชนิดหนึ่งโดยสมบูรณ์ เป็นสัตว์โลกที่แทะเล็มและเสพย์สุนทรียภาพทางตัวอักษรและหนังสือเป็นอาหาร ชอบซุกซ่อนตัวอยู่ในโลกส่วนตัว ซึ่งเป็นคลังหนังสืออย่างสุขเกษม หลีกเลี่ยงความวุ่นวายหรือความเป็นสัตว์สังคมในหลายโอกาส มีอาหารว่างจานโปรดเป็นความสงบ ความวิเวก อันก่อให้เกิดสมาธิและสติปัญญา มีสหายสนิทเป็นความเงียบเหงาและว้าเหว่ เดินร่วมทางเดียวกันเสมอ บางทีก็มีภาษาและรหัสของตนเองซึ่งจะมีขั้วปิด-เปิดในการเลือกรับสาร-ตีความ-ส่งสารตอบยกลับ ก็เฉพาะผู้ที่มีรหัสลับเดียวกันหรือความถี่ตรงกันเท่านั้น
สัตว์โลกที่ลูกเข้าสังกัดด้วยนี้คนเขาเรียกมันว่า “หนอนหนังสือ” ซึ่งลูกว่ามันธรรดมาไป จริงๆ แล้วน่าจะเป็นชื่ออื่นที่คิดได้สะใจกว่านี้ แรงกว่านี้ แปลกใหม่กว่านี้ แต่ลูกยังคิดไม่ออกในเวลานี้ว่าจะตั้งชื่อให้มันซึ่งเป็นการให้ฉายาตัวลูกเองว่าอย่างไร บางทีอาจจะเป็น “สัตว์วิเวก?”
และในยามที่ความเป็นสัตว์วิเวกของลูกดังกล่าวนี้ปรากฏตัวออกมาเมื่อไร คนแรกที่ลูกระลึกถึงคะนึงหาด้วยความรักอาลัยอาวรณ์อย่างสุดหัวใจ ก็คือ “คุณพ่อ” ผู้ซึ่งได้น้ำตาของลูกเป็นเครื่องบรรณาการไปชั่วนิรันดร์
แล้วบทเพลงสุดโปรดก็มักสะท้อนเข้าสู่วิถีโคจรแห่งความคิดคำนึง ...เป็นวิมานอยู่บนดิน ให้เธอได้พักพิงและนอนหลับไหล... ...เก็บดาวเก็บเดือนมาร้อยมาลัย... ...เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพรมาร้อยใจเราไว้เรียงกัน... ป่านฉะนี้คุณพ่อของลูกคงหลับสบายในอ้อมกอดแห่งธรรมชาติ ณ เวลานี้คุณพ่อของลูกคงหลับไหลอยู่ในบ้านวิมานดินอย่างเกษมสันต์ หลับเสียเถิดนะ...คนดีของลูก...หลับเสียเถิดนะ...ไม่ต้องกังวล หลับเสียเถิดนะ...หลับให้ฝันดี...หลับเสียเถิดนะ...พักให้หายเหนื่อย หลับเสียเถิดนะ...หลับให้สบาย...หลับเสียเถิดนะ...ลูกจะขับกล่อม ลูกขอให้สัญญาว่าจะไม่ทิ้งพ่อไปไหน ลูกขอให้สัญญาว่าจะไม่ห่างไกลไปจากพ่อ
ลูกขออยู่ที่นี่ชั่วคราวเพื่อทำหน้าที่อันชะตากำหนด พ่อย่อมรู้แก่ใจดี...ชีวิตคนเราแสนสั้นหนักหนา อุปมาดัง “เส้นใยบางๆ ระหว่างลมหายใจเข้าออก” เช่นนี้แล้วชีวิตย่อมแตกดับได้โดยง่าย...ดังคำ “หนักดังขุนเขา เบาดังปุยนุ่น” ลูกจึงมิได้หวาดหวั่นต่อการแตกดับทางร่างกาย หากหวั่นไหวต่อการแตกดับทางจิตใจมากกว่า จึงสัญญามั่น...พ่อของลูกย่อมได้พบลูกเป็นแน่แท้ที่...วิมานดิน
แม้ว่าคุณพ่อสุดที่รักของลูก ได้ละทิ้งสังขาร อันพระท่านเทศนาว่า เป็นของไม่เที่ยง เป็นเยงเปลือกที่ห่อหุ้มความสกปรก ความไม่น่าสิเน่หาทั้งปวงในกายของเราไปแล้ว ทว่าคุณพ่อได้ฝากความดีงามไว้เป็นอนุสรณ์ให้พวกเราทุกคนได้รำลึกถึงเสมอ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคงไม่มีใครที่เกินกว่าลูกไปได้
พ่อได้สร้างและทิ้งมรดกไว้ให้ลูกมากมายกว่าที่จะประเมินค่าหรือตีราคาได้ ทุกวันนี้ลูกมีกำลังใจในการมีชีวิต ลูกมุ่งกระทำความดี ลูกยึดหลักของคุณธรรมและความถูกต้อง ใช้ชีวิตเรียบง่ายและอ่อนน้อมถ่อมตน ดำรงชีวิตอย่างพอเพียงและรู้ค่า รักการอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ อยู่อย่างคนมีสติปัญญา มีจิตใจที่เมตตาปรานี เห็นคุณค่าของสรรพชีวิต มีจิตที่ละเอียดอ่อนบริสุทธิ์ไม่หยาบกระด้าง มีอุดมการณ์ในการใช้ชีวิต และทุกสิ่งที่เป็นความดีงาม ล้วนเป็นเพราะ “มือที่สร้างสรรค์และโอบอุ้มของพ่อ” ทั้งสิ้น
สิ่งต่างๆ ที่คุณพ่อปลูกฝัง แลเพาะเมล็ดพันธ์ที่ดีงามใส่ไว้ในตัวลูก ล้วนส่งผลดีให้กับลูกในกาลต่อมาแทบทั้งสิ้น และลูกขอยืนหยัดก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างทระนง องอาจ เข้มแข็ง ภาคภูมิใจและจะขอยึดถือหลักการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องดีงามของคุณพ่อ เป็น “แบบแผน” ในการดำเนินชีวิตของลูกต่อไป จนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่
และสิ่งหนึ่งที่ลูกคนนี้ระลึกถึง...ซาบซึ้งในพระคุณ...ตระหนักถึงคุณค่า... สิ่งนั้นยิ่งใหญ่ในใจ...และ...ในชีวิต...ของลูกเป็นที่สุดแล้ว นั่นก็คือ... “มรดกที่พ่อมอบให้” ลูกจะรักษามรดกชิ้นนี้ไว้ตลอดกาล...
1 ความคิดเห็น:
มากันเยอะๆนะค่ะ
แสดงความคิดเห็น